โรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจของแมวหรือที่เรียกว่าโรคหว ัดแมว (cat flu)
เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งสาเหตุส ่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งเป็นไวรัสจําเพาะในแมวได้แก่ Feline Viral Rhinotracheitis Virus (FVRC) หรือ Feline Herpesvirus (FHV) และ Feline Calici Virus (FCV)
นอกจากนี้ยังอาจมีการติดเชื้ออื่นๆ ร่วมด้วยเช่น Bordetella หรือ Clamydia ซึ่งจะทําให้แมวแสดงอาการรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในลูกแมวและแมวท ี่อ่อนแอ
โดยทั่วไปมีไวรัส 2 ชนิด เมื่อแมวได้รับเชื้อและจะมีการอาการหวัด โดยการแยกอาการของการติดเชื้อไวรัสสองตัวนี้อย่างคร่าวๆ คือ การสังเกตได้จากอาการซึ่งไวรัส FCV จะไม่ค่อยมีอาการที่ตาและจมูก แต่อย่างไรก็ตามแมวสามารถมีการติดเชื้อร่วมกันของไวรัสทั้ง 2ชนิดนี้ได้ ซึ่งจะยิ่งทําให้อาการของโรครุนแรงมากขึ้นไปอีก
Feline Viral Rhinotracheitis (FVRV)หรือ Feline Herpesvirus (FHV) โรคนี้จะพบได้บ่อย ในกลุ่มแมวที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนอัตราการติดโรคอาจสูงถึง 100 % แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วอัตราการตายจะไม่สูงมากแต่ว่ามีโอกาสที่จะส ูงถึง 30 %ได้ในลูกแมวที่เครียดหรือมีโรคอื่นแทรกซ้อน
อาการที่พบ
หลังจากแมวได้รับเชื้อ FVRV เชื้อจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2 ถึง 10 วัน โดยจะทําให้แมวมีอาการอักเสบที่ตาจมูกหลอดลมซึ่งทําให้แมวมีน้ำ ตาไหลมีน้ำมูกและเสมหะนอกจากนี้ยังทําให้แมวมีอาการซึมหายใจลํา บากเป็นไข้ไอจามและเบื่ออาหาร
ในกรณีที่มีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยนั้นจะทําให้น้ำมูกข้นเหนียว จนเป็นหนองอาจพบแผลหลุมเป็นวงๆ บนลิ้นทําให้แมวเจ็บมากจนไม่อยากกินอาหาร อาการอาจรุนแรงมากถึงขั้นเกิดปอดบวมและเยื่อหุ้มปอดอักเสบและทํ าให้เสียชีวิตได้
Feline Calici Virus (FCV) ไวรัสชนิดนี้ทําให้เกิดอาการน้ำมูกไหล ไอจามแต่อาจแสดงอาการรุนแรงมากกว่านั้นได้ สําหรับอาการที่เด่นชัดที่สุดคือแผลหลุมบนลิ้นจะทําให้มีน้ำลาย ไหลยืดตลอดเวลาแผลในช่องปากจะทําให้แมวกินอาหารลําบากความอยากอ าหารลดลงทําให้อาการทรุดลงเร็ว
การติดต่อของโรค
การติดต่อของแมวเกิดจากแมวได้รับการสูดดมเชื้อไวรัสที่กระจายใน อากาศจากแมวที่ติดเชื้อหรือมีการสัมผัสกับแมวที่ติดเชื้อโดยตรง ซึ่งพบได้บ่อยในบริเวณที่มีแมวอยู่รวมกันมากในกรณีที่แมวป่วยแล ะหายจากโรคแล้วนั้นสามารถเป็นพาหะนําโรคได้ต่อไป
การดูแลและป้องกัน
สิ่งแรกที่ต้องทําคือพาแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเบื ้องต้นก่อนว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ การรักษาทําได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะป้องกันโรคแทรกซ้อนจากแบคทีเรีย รวมทั้งยาลดเสมหะ
นอกจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแมวอาจจําเป็นต้องได้รับน้ำเกลือวิต ามินต่างๆ เพื่อบํารุงตามความเหมาะสม
การให้อาหารควรให้แมวได้กินอาหารอย่างเพียงพอเพราะหากมีแผลในปา กจะทําให้ไม่อยากกินอาหารเองจึงอาจต้องมีการป้อนอาหารและยาให้น อกจากนี้ต้องดูแลเรื่องความสะอาดด้วย เช่น เช็ดขี้มูกขี้ตาอย่าให้เกรอะกรังทําความสะอาดปากทุกครั้งหลังป้ อนอาหารและควรให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการนําแมวที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรคไปป ะปนกับแมวภายนอก หากต้องนําแมวไปฝากเลี้ยงหรือต้องนําแมวไปในที่มีแมวรวมตัวกันม ากๆ ต้องมั่นใจว่าแมวของเรามีภูมิคุ้มกันดีพอ ซึ่งทําได้โดยการนําแมวมารับวัคซีนป้องกันโรค
โรคไข้หัดแมว
โรคไข้หัดแมวนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มพาร์โวไวรัส (Feline parvovirus) มีผลต่อระบบทางเดินอาหารของแมว (แต่ไม่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจเหมือนไข้หวัดแมว)
พบรายงานการพบโรคนี้นานแล้วซึ่งสามารถพบในแมวทุกตระกูลไม่ว่าจะ เป็น เสือ สิงโต แมวป่าหรือแม้แต่แมวบ้านทุกพันธุ์นอกจากนี้ยังพบได้ในสัตว์ตระก ูลอื่นๆ อีก เช่น สกั๊งค์ เฟอเร็ต มิ้งค์ แรคคูน ซึ่งโรคนี้ทําให้สัตว์มีอาการ "คล้ายเป็นหวัดและท้องเสีย" ซึ่งมีอาการเหมือนโรคไข้หัดสุนัขหรือโรคดิสเท็มเปอร์ของสุนัข จึงมีคนเรียกชื่อต่างๆมากมาย เช่น "โรคไข้หัดแมว" (Cat distemper )และ "โรคลําไส้อักเสบในแมว" (Feline Parvovirus Enteritis)
โรคไข้หัดแมวนี้จะรุนแรงมากในแมวอายุน้อยโดยมีอาการที่สําคัญที ่พบคือมีไข้สูง อาเจียนท้องเสีย และมีผลต่อการทรงตัวของลูกแมวและทําให้ลูกแมวตาบอดได้ส่วนในลูก แมวโตเมื่อเกิดการติดเชื้อระยะหนึ่งแล้วร่างกายสามารถสร้างภูมิ คุ้มกันได้ก็จะอาการดีขึ้นแต่แมวที่หายจากโรคใหม่ๆสามารถพบเชื้ อไวรัสออกมากับอุจจาระได้หลายสัปดาห์ส่วนในแมวตั้งท้องอาจแท้งล ูกหรือลูกตายหลังคลอดได้
การติดโรคเกิดขึ้นได้อย่างไร
แมวสามารถติดโรคไข้หัดแมวได้จากการติดต่อโดยตรงจากแมวป่วยไปยัง ตัวอื่นโดยเฉพาะทางอุจจาระภาชนะใส่อาหาร น้ำ กรงหรือที่ขับถ่ายของแมวพื้นดินที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อไวรัส นอกจากนี้อาจเป็นเสื้อผ้าหรือรองเท้าการแพร่โรคได้ง่ายขึ้นระหว ่างแมวที่เลี้ยงปนกันหลายๆตัว
อาการของแมวที่เป็นไข้หัดแมว
โรคไข้หัดแมวมีระยะการฟักตัวของโรค 2-7วันโดยแมวอายุน้อยส่วนใหญ่ตายอย่างรวดเร็วอัตราการตายอยู่ระ หว่าง 25-90% แมวป่วยจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลันซึมเบื่ออาหารอาเจียนท้องเสียร ่างกายขาดน้ำ เป็นโรคที่มีอัตราการตายสูงโดยเฉพาะในกลุ่มแมวที่ไม่เคยได้รับก ารฉีดวัคซีน เมื่อตรวจเลือดพบเม็ดเลือดขาวต่ำมาก จึงมีชื่อเรียกโรคนี้ว่า "Feline Panleukopenia" เมื่อคลําบริเวณช่องท้องจะเจ็บท้อง บางทีพบเป็นลําของลําไส้หนาตัวภายในมีแก๊สและของเหลว
เมื่อแมวของท่านเป็นโรคไข้หัดแมวควรทําอย่างไร
ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพราะเป็นโรคติดต่อร้ายแรงโดยเฉพาะแมวท ี่ไม่กินอาหารมีอาเจียนท้องเสียจะทําให้ร่างกายอ่อนเพลียทรุดโท รมมากสัตว์อาจอยู่ในสภาพช็อคได้
แนวทางการรักษาโรคคือการรักษาตามอาการและพยุงชีวิตให้สัตว์สามา รถสร้างภูมิต้านทานต่อโรคได้โดยการให้สารน้ำ (Fluid therapy) และฉีดยาร่วมด้วยโดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะเพื ่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
นอกจากนี้อาจฉีดยาระงับการอาเจียนและลดการทํางานของลําไส้ โดยการงดอาหารและน้ำ ให้วิตามินบีรวมโดยการฉีดเข้าทางเส้นเลือดแทน
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งไม่มียาฆ่าเชื้ อไวรัสโดยตรงมีแต่การรักษาเพื่อประคับประคองชีวิตเท่านั้น
ควรระวังแมวที่ยังไม่เป็นโรคไข้หัดอย่างไร
ควรรีบแยกแมวป่วยออกจากแมวปกติตัวอื่นทันทีเพราะโรคนี้เป็นได้ก ับแมวทุกอายุและต้องทําความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่อาจแพร่ออกมา กับอุจจาระปัสสาวะ ด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรด์
เจ้าของแมวที่มีแมวตายด้วยโรคไข้หัดแมวไม่ควรนําลูกแมวที่ยังไม ่เคยได้รับการฉีดวัคซีนเข้ามาเลี้ยงอีก
การป้องกันแมวไม่ให้เป็นโรคไข้หัดแมว
โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้หั ดแมวจําหน่ายหลายยี่ห้อและยังเป็นวัคซีนรวมอีกด้วย คือใช้ป้องกันได้ทั้งโรคไข้หัดแมวและโรคไข้หวัดแมวไปพร้อมๆกัน ซึ่งสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามคลินิกสัตวแพทย์ทั่ว ๆ ไป
ส่วนสัตว์ป่าตระกูลแมวและแมวทุกเพศทุกวัยควรได้รับการฉีดวัคซีน ป้องกันโดยใช้โปรแกรมเดียวกับแมวเลี้ยงดังนี้
โปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดแมว
เข็มที่ 1ฉีดเมื่อลูกแมวอายุ 2 เดือน
เข็มที่ 2 ฉีดเมื่อลูกแมวอายุ 2 เดือนครึ่ง
เข็มที่ 3 ฉีดทุกปี ปีละเข็ม
โรคไข้หัดแมวนี้สามารถติดต่อถึงคนได้หรือไม่
โรคไข้หัดแมวนี้เป็นโรคเฉพาะสัตว์ในตระกูลแมวเท่านั้นไม่มีรายง านติดถึงคนฉะนั้นโรคไข้หัดแมวจึงไม่ติดถึงคน
วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554
เเนะนำเเมวเปอร์เซีย
แนะนำ
แมวเปอร์เซียหิมาลายันถือเป็นแมวที่นิยมเลี้ยงกันมากสุดพันธุ์หนึ่งในบรรดา วงแมวต่างๆ นับตั้งแต่ปี 1957 มีแมวหิมาลายันได้รับการลงทะเบียนกว่า 343,000 ตัว ซึ่งในปี 1998 มีแมวหิมาลายันถูกโชว์กว่า 2,428 ตัวในการแข่งขันประกวดแมวต่างๆ (นั่นหมายความว่าในทุกครั้งที่มีการประกวด ก็จะมีแมวหิมาลายันออกโชว์เฉลี่ยครั้งละ 5-6 ตัว) และแมวหิมาลายันยังได้รับรางวัลในงายประกวดต่างๆ อีกมากมาย
ประวัติย่อ
แมวเปอร์เซียหิมาลายันถือเป็นแมวที่นิยมเลี้ยงกันมากสุดพันธุ์หนึ่งในบรรดา วงแมวต่างๆ นับตั้งแต่ปี 1957 มีแมวหิมาลายันได้รับการลงทะเบียนกว่า 343,000 ตัว ซึ่งในปี 1998 มีแมวหิมาลายันถูกโชว์กว่า 2,428 ตัวในการแข่งขันประกวดแมวต่างๆ (นั่นหมายความว่าในทุกครั้งที่มีการประกวด ก็จะมีแมวหิมาลายันออกโชว์เฉลี่ยครั้งละ 5-6 ตัว) และแมวหิมาลายันยังได้รับรางวัลในงายประกวดต่างๆ อีกมากมาย
ประวัติย่อ
ชาวเปอร์เซียได้รับการยอมรับและโด่งดังในฐานะผู้ขยาย พันธุ์แมวและได้เป็นผู้ตั้งรากฐานของการผสมพันธุ์แมวในยุคต้นๆ ซึ่งมีผลทำให้เกิดการพัฒนาของแมวหิมาลายันขึ้นมา วิวัฒนาการขั้นแรกๆของแมวเปอร์เซียเกิดขึ้นในที่ราบสูงเปอร์เซีย(ประเทศ อิหร่านและอิรักในปัจจุบัน) ซึ่งแมวที่มีขนยาวและนุ่มลื่นนี้ได้ถูกนำไปสู่ยุโรปโดยพวกฟินิเซียนและโรมัน ทำให้ชาวยุโรปต่างประทับใจกับมันมาก โดยเป็นเวลากว่าหลายปีแล้วที่แมวเปอร์เซียถูกขยายพันธุ์ไปเพื่อที่จะคงแมวขน ยาวนี้ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์
วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554
เทคนิคการอาบน้ำแมวเหมียว~! แบบฉบับมิลานะสไตล์
*หมายเหตุ* ควรมีผู้ช่วยอีก 1 คน แต่ถ้าเมพแล้ว คนเดียวก็จัดได้ และควรอาบน้ำแมวตอนกลางวันที่อากาศไม่เย็นและถ่ายเทสะดวกนะจ๊ะ
1. หลอกล่อให้แมวรู้สึกผ่อนคลายสบายใจและตายใจ
เห็นหน้าตามั้ย เคลิ้มเลย หึหึ...
2. เตรียมผ้าขนหนูผืนใหญ่ กับกะละมังใส่น้ำอุ่นไว้ให้พร้อม (แต่ไม่ได้ใช้จับแมวจุ่มลงไปนะ!)
3. ค่อยๆ ลักพาตัวแมวเข้าห้องน้ำ อย่าแผ่รังสีมีพิรุธออกมา
"พาหนูเข้ามาทำไม?"
4. ปิดประตู... ล็อคกลอน
5. นั่งยองๆ จับเจ้าแมวน้อยให้ยืนหรือนั่งชิดกับเข่าเราโดยหันหัวออกไป แบบนี้.... คอยลูบๆ ไปด้วยให้รู้สึกวางใจ
ทำตาแป๋ว... ช่างไม่รู้ชะตากรรมซะจริง
6. เริ่มจ้วงน้ำอุ่นจากกาละมังที่เตรียมไว้ ตอนแรกแค่จุ่มให้มือพอเปียกแล้วลูบขนน้องเหมียว ลูบให้น้ำโดนตัวทั่วๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณตักราดมากขึ้น
"จะทำไรหนู!"
7. เทแชมพูและค่อยๆ ฟอกให้ทั่วตัว ใช้นิ้วมือสางเป็นแนวตั้งขึ้นลงเรื่อยๆ ไม่ต้องวนแบบสระผมคน ระวังฟองเข้าหน้าเข้าตาแมวเหมียวด้วย ส่วนหูถ้ากลัวน้ำเข้าก็เอาสำลีมาอุดไว้ก่อนได้ แต่... เราไม่ใช้ 55
"แง๊งงงงงงงงงงงงง"
8. พอถูแชมพูทั่วตัวกลิ่นหอมฉุยแล้วก็ได้เวลาล้างฟอง รอบนี้ต้องการให้ฟองหายเกลี้ยงจริงๆ ห้ามเหลือสารติดค้างอยู่ เพราะเสร็จแล้วน้องแมวจะเลียตัวอย่างขยันขันแข็งจนกว่าตัวจะแห้ง เราจึงใช้... สายฉีด ฮ่าๆๆ
"กรี๊ดดดดด ปล่อยหนูปายยยยยยย"
9. พอแน่ใจว่าล้างฟองออกหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็เอาผ้าขนหนูมาห่อพันรอบตัวเหมียวน้อยไว้ให้ความอบอุ่น เพราะเค้าจะสั่นหนาวมาก แล้วค่อยๆ เช็ดแบบเดิม ขึ้นลงไล่ไป พยายามเช็ดให้แห้งที่สุด
ห่อตัวพันไว้ก่อน
เสร็จแล้วค่อยๆ เช็ดอย่างเบามือ
10. ขั้นตอนการปั่นแห้ง.. ไม่ใช่โว้ย!! ถึงเวลาปล่อยให้ขนแห้งแล้ว สำหรับแมวที่ไม่กลัวไดร์เป่าผม ก็ใช้ลมอ่อนๆ เป่า แต่ถ้ากลัวก็เอาไปวางไว้ในห้องที่เปิดพัดลมไว้ ไม่ต้องถึงขั้นจ่อ แล้วน้องแมวจะง่วนกับการเลียจัดแต่งขน จนกว่าจะพอใจ (เป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว)
*หมายเหตุ* ควรมีผู้ช่วยอีก 1 คน แต่ถ้าเมพแล้ว คนเดียวก็จัดได้ และควรอาบน้ำแมวตอนกลางวันที่อากาศไม่เย็นและถ่ายเทสะดวกนะจ๊ะ
1. หลอกล่อให้แมวรู้สึกผ่อนคลายสบายใจและ
เห็นหน้าตามั้ย เคลิ้มเลย หึหึ...
2. เตรียมผ้าขนหนูผืนใหญ่ กับกะละมังใส่น้ำอุ่นไว้ให้พร้อม (แต่ไม่ได้ใช้จับแมวจุ่มลงไปนะ!)
3. ค่อยๆ ลักพาตัวแมวเข้าห้องน้ำ อย่าแผ่รังสีมีพิรุธออกมา
"พาหนูเข้ามาทำไม?"
4. ปิดประตู... ล็อคกลอน
5. นั่งยองๆ จับเจ้าแมวน้อยให้ยืนหรือนั่งชิดกับเข่าเราโดยหันหัวออกไป แบบนี้.... คอยลูบๆ ไปด้วยให้รู้สึกวางใจ
ทำตาแป๋ว... ช่างไม่รู้ชะตากรรมซะจริง
6. เริ่มจ้วงน้ำอุ่นจากกาละมังที่เตรียมไว้ ตอนแรกแค่จุ่มให้มือพอเปียกแล้วลูบขนน้องเหมียว ลูบให้น้ำโดนตัวทั่วๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณตักราดมากขึ้น
"จะทำไรหนู!"
7. เทแชมพูและค่อยๆ ฟอกให้ทั่วตัว ใช้นิ้วมือสางเป็นแนวตั้งขึ้นลงเรื่อยๆ ไม่ต้องวนแบบสระผมคน ระวังฟองเข้าหน้าเข้าตาแมวเหมียวด้วย ส่วนหูถ้ากลัวน้ำเข้าก็เอาสำลีมาอุดไว้ก่อนได้ แต่... เราไม่ใช้ 55
"แง๊งงงงงงงงงงงงง"
8. พอถูแชมพูทั่วตัวกลิ่นหอมฉุยแล้วก็ได้เวลาล้างฟอง รอบนี้ต้องการให้ฟองหายเกลี้ยงจริงๆ ห้ามเหลือสารติดค้างอยู่ เพราะเสร็จแล้วน้องแมวจะเลียตัวอย่างขยันขันแข็งจนกว่าตัวจะแห้ง เราจึงใช้... สายฉีด ฮ่าๆๆ
"กรี๊ดดดดด ปล่อยหนูปายยยยยยย"
9. พอแน่ใจว่าล้างฟองออกหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็เอาผ้าขนหนูมาห่อพันรอบตัวเหมียวน้อยไว้ให้ความอบอุ่น เพราะเค้าจะสั่นหนาวมาก แล้วค่อยๆ เช็ดแบบเดิม ขึ้นลงไล่ไป พยายามเช็ดให้แห้งที่สุด
ห่อตัวพันไว้ก่อน
เสร็จแล้วค่อยๆ เช็ดอย่างเบามือ
10. ขั้นตอนการปั่นแห้ง.. ไม่ใช่โว้ย!! ถึงเวลาปล่อยให้ขนแห้งแล้ว สำหรับแมวที่ไม่กลัวไดร์เป่าผม ก็ใช้ลมอ่อนๆ เป่า แต่ถ้ากลัวก็เอาไปวางไว้ในห้องที่เปิดพัดลมไว้ ไม่ต้องถึงขั้นจ่อ แล้วน้องแมวจะง่วนกับการเลียจัดแต่งขน จนกว่าจะพอใจ (เป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว)
วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554
เผยโฉมน้องหมา “แพงที่สุดในโลก” ค่าตัวแค่ 46 ล้านบาท
Posted: มีนาคม 15, 2011 in แปลกแต่จริงป้ายกำกับ:จีน, ทิเบตัน มาสทิสส์, ที่สุดในโลก, ท่องเที่ยว, สุนัข, หมา
4
เศรษฐีจีนใจป้ำ ลงทุนซื้อลูกสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิสส์ (Tibetan Mastiffs) เพศผู้ วัย 11 เดือน ที่มาพร้อมขนสีแดงปุกปุย ในราคาสูงถึง 10 ล้านหยวนหรือกว่า 46 ล้านบาท ทุบสถิติน้องหมาค่าตัวแพงที่สุดในโลก แทนที่น้องหมาพันธุ์เดียวกันที่ถูกเศรษฐีนีตระกูลหวังซื้อไปในราคาเกือบ 20 ล้านบาทเมื่อปี ค.ศ. 2009
ลูกสุนัขขนปุกปุยเหมือนตุ๊กตาหมีดังที่เห็นในภาพได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก หลังถูกอภิมหาเศรษฐีชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน ควักกระเป๋าซื้อไปประดับบารมีในราคาสูงลิบลิ่วถึง 10 ล้านหยวนหรือกว่า 46 ล้านบาท
น้องหมาตัวนี้มีชื่อว่าเจ้า “ฮงตง” ถึงแม้จะมีอายุเพียงแค่ 11 เดือน แต่ “ฮงตง” ก็มีความสูงเกือบ 3 ฟุต (เกือบ 1 เมตร) และมีน้ำหนักมากกว่า 180 ปอนด์ (มากกว่า 81 ก.ก.) แล้ว
นายลู่ เหลียง เจ้าของเดิมซึ่งเป็นนักเพาะพันธุ์สุนัขสายพันธุ์ทิเบตัน มาสทิสส์ และเป็นเจ้าของฟาร์ม “ทิเบตัน มาสทิสส์ การ์เดนท์” ในเขตเหลาซาน ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง กล่าวว่า “เจ้าฮงตง เป็นสุนัขสายพันธุ์ดี มันมียีนที่ดี และอีกไม่นานก็จะเป็นพ่อพันธุ์ชั้นดีอีกด้วย ผมทำธุรกิจนี้มานานนับ 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยนึกฝันว่าจะขายลูกสุนัขได้ในราคาสูงขนาดนี้”
เขายังกล่าวอีกว่า “ก่อนขายลูกสุนัขแต่ละตัว ผมต้องมั่นใจก่อนว่าผู้ซื้อรักและต้องการเลี้ยงดูสุนัขจริงๆ ถ้าต้องการซื้อไว้ประดับบารมีโดยที่ไม่มีใจรักสุนัขผมจะไม่ยอมขายให้เด็ดขาด สำหรับลูกค้ามหาเศรษฐีที่ซื้อเจ้าฮงตงไปในราคาสูงลิบ นอกจากจะเป็นคนรักสุนัขแล้วยังเป็นนักลงทุนอีกด้วย เขาบอกผมว่าอีกหน่อยฮงตงจะเป็นสุนัขพ่อพันธุ์ที่สามารถทำเงินให้เขาได้มากถึงครั้งละ 100,000 หยวน (กว่า 4.6 แสนบาท) และภายในเวลาไม่กี่ปีเขาก็จะได้เงินค่าตัวเจ้าฮงตงคืน”
ที่ผ่านมา เจ้าฮงตงกินแต่อาหารประเภท เนื้อวัว เนื้อไก่ และในบางครั้งมันยังได้กินอาหารเหลาอย่าง ปลิงทะเล และหอยเป๋าฮื้อ ซึ่งนายลู่ เหลียง กล่าวว่าค่าตัวของเจ้าฮงตงสมเหตุสมผลแล้ว เพราะเขาลงทุนกับมันมาเยอะมาก
อดีตสุนัขค่าตัวแพงที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้ สุนัขที่เคยครองแชมป์ค่าตัวแพงที่สุดในโลก เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิสส์ วัย 18 เดือนที่มีชื่อว่า “แม่น้ำแยงซี หมายเลข 2″ ซึ่งถูกซื้อไปในราคาเกือบ 20 ล้านบาทโดยเศรษฐีนีคนหนึ่ง แถมเธอยังพาเจ้าแยงซีฯ ขึ้นเครื่องบินจากเมืองชิงไห่ (ที่ตั้งฟาร์ม) เพื่อเดินทางกลับบ้านที่เมืองซีอาน โดยมีรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ 30 คันรอรับที่สนามบิน และยังมีงานเลี้ยงต้อนรับสุดอลังการที่บ้านอีกด้วย
วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ระวังสุขภาพ 'น้องหมา' ในหน้าหนาว
ระวังสุขภาพ 'น้องหมา' ในหน้าหนาว
ในฤดูหนาว ที่คุณดูแลสุขภาพตัวเองเป็นพิเศษ คุณอาจลืมไปว่า...น้องหมาของคุณ เค้าก็ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษเช่นกัน...!!!
เริ่มที่โรคจากไวรัส Canine Herpevirus ลูกสัตว์แรกเกิดที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำ จะมีความไวต่อการติดเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุการตายในลูกสัตว์แรกเกิด อายุ 9-14 วัน ลูกสุนัขสามารถติดต่อจากแม่ผ่านทางน้ำลายและน้ำจากช่องคลอด หากติดเชื้อแล้วจะมีอาการกระวนกระวาย ร้องครวญครางตลอดเวลา ปวดท้อง หายใจถี่ อาจชัก หรือ เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง การติดเชื้อไวรัสนี้ไม่สามารรักษาได้ อีกทั้งไม่มีวัคซีนป้องกันดังนั้น ควรรักษาสุขภาพแม่สุนัขให้แข็งแรง และให้ลูกสุนัขอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส
ต่อมาเป็นโรคไข้หัดสุนัข Canine Distemper โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นกัน ติดต่อได้ทั้งทาง อุจจาระ น้ำลาย ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำตา และที่สำคัญคือการติดต่อผ่านทางอากาศ โดยการหายใจ ในรายที่อาการรุนแรงพบว่าสัตว์มีน้ำมูกน้ำตา ไอ หายใจลำบาก ท้องเสีย อาเจียน ปอดปวม บริเวณจมูกและฝ่าเท้าจะหนาขึ้น รวมทั้งมีอาการชักหรืออัมพาตด้วย
โรคนี้ไม่สามารถรักษาได้เช่นกัน แต่สามารถประคับประคองอาการได้ด้วยการฉีดวัคซีนและไม่ให้สัมผัสกับสุนัขที่ติดเชื้อ เพราะอากาศที่หนาวเย็นในช่วงฤดูหนาวจะทำให้ความชุ่มชื้นในระบบทางเดินหายใจมีน้อย กระบวนการป้องกันโรคต่างๆของร่างกายจึงทำงานไม่เต็มที่ สุนัขจึงติดเชื้อได้ง่าย
และสุดท้าย คือ โรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ โรคนี้เกิดได้หลายสาเหตุ ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย หรือทั้งสองอย่าง ติดต่อทางการหายใจ หรือ สารคัดหลั่ง พบบ่อยในที่ที่เลี้ยงสุนัขอย่างแออัด โดยเฉพาะ แหล่งขายสุนัข เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่มีการระบายอากาศที่ดี โดยการแสดงอาการมักเป็นอาการเรื้อรตัง ไข้ไม่สูงมาก กินอาหารได้น้อย ไอ มีเสมหะและน้ำมูกข้นเล็กน้อย
ส่วนการรักษาทำได้แบบประคับประคองเช่นกัน ด้วยการให้สุนัขอยู่ในสภาแวดล้อมที่ดี อากาศอบอุ่น และหมั่นให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจใส่เสื้อให้สุนัข ส่วนสุนัขที่เป็นโรคนี้แล้วแต่ไม่ได้รับการรักษาดูแลอาจปอดบวม หายใจลำบาก จนถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554
รู้มั้ยค่ะ?? วิธีทำให้สุนัขมาใหม่(เก่า)เข้ากันได้?
เดิมมีสุนัขชิวาวาเพศผู้อยู่ 2 ตัว เลี้ยงมาประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้เก็บลูกสุนัขไทยข้างทางมาเลี้ยงอายุสักประมาณ 3 เดือน เอามาอยู่ด้วยกันแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ ตอนนี้ยังเข้ากันไม่ได้ เล่นกับชิวาวา ก็สงสารสุนัขไทย เล่นกับสุนัขไทย ชิวาวา ก็โกรธ ไม่รู้จะทำยังงัยค่ะ ใครมีวิธีรบกวนช่วยบอกหน่อยค่ะ
เมื่อให้สุนัขตัวใหม่มาเจอกับสุนัขตัวเก่า ควรใช้เชือกจูงสุนัขทั้งคู่เอาไว้ แล้วแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันโดยใช้สถานที่นอกบ้านซึ่งไม่ได้เป็นอาณาเขตของสุนัขตัวเก่า หาผู้ช่วยหนึ่งคนช่วยเดินจูงสุนัขให้ขนานไปกับสุนัขอีกตัวที่คุณจูงอยู่ เพื่อหยั่งท่าทีของทั้งคู่ เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน ให้นำสุนัขตัวเก่าไปกักบริเวณไว้ก่อน แล้วจึงนำสุนัขตัวใหม่สำรวจรอบๆ บ้าน ตามห้องต่างๆ ทีละห้องโดยใช้สายจูง ขณะที่แนะนำสุนัขสองตัวให้รู้จักกัน ให้ขนมแก่ทั้งคู่เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดี อย่าปล่อยทั้งคู่ไว้ด้วยกันจนกว่าจะมั่นใจว่าทั้งคู่ผูกมิตรกันเรียบร้อยแล้ว อย่าบังคับให้สุนัขตัวเก่ายอมรับสุนัขตัวใหม่โดยทันที สุนัขทั้งคู่จะต้องการทำความคุ้นเคยกันด้วยวิธีของตนเองซึ่งอาจจะใช้เวลานานพอสมควร.
วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)